ภาพรวมของ การรับรองคุณภาพ

ผู้คนที่ติดใจรสชาติของเนื้อวัว เนื้อแกะ หรือเนื้อแพะออสเตรเลียวางใจในเรื่องของความปลอดภัย จรรยาบรรณในการผลิต และคุณภาพผลิตภัณฑ์ในระดับสูง ด้วยความไว้วางใจนี้เองที่ทำให้ผู้ผลิตเนื้อออสเตรเลียยังคงยึดมั่นอยู่กับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกจำหน่าย การรักษาระดับความไว้วางใจในเนื้อแดงออสเตรเลีย ไม่ใช่วาระที่เราจะปล่อยปละละเลยได้ เราจึงมีระบบวัดความปลอดภัยของอาหาร การรับรองคุณภาพ และระบบติดตามคุณภาพผลิตภัณฑ์ตั้งแต่โรงเลี้ยงไปจนถึงหน้าบ้านของลูกค้า ซึ่งระบบมาตรฐานต่างๆ ข้างต้นถือเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความสมบูรณ์แบบของอุตสาหกรรมเนื้อแดงมูลค่า 22.9 พันล้านเหรียญของออสเตรเลียได้เป็นอย่างดี

โครงการรับรองคุณภาพ

โครงการรับรองคุณภาพ

หลายกระแสต่างยกให้ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีระดับสุขภาพของสัตว์สูงเป็นลำดับต้นๆ ของโลก ในฐานะที่เป็นผู้นำในระดับโลก เราได้ออกกฎหมายเพื่อควบคุมการให้อาหาร และการเลี้ยงสัตว์ในประเทศ และยังนำโครงการเฝ้าระวังโรคติดต่อที่สอดคล้องกับมาตรฐานของนานาประเทศมาใช้เพื่อการตรวจสอบกฎหมายต่างๆ ที่เราบังคับใช้อีกด้วย รัฐบาลออสเตรเลีย และอุตสาหกรรมเนื้อแดงยังคงบังคับใช้โครงการข้างต้น ควบคู่ไปกับโครงการอื่นๆ ที่ออกแบบมาเพื่อรักษามาตรฐานสุขภาพสัตว์ภายในประเทศให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป โดยมีองค์กรสามแห่งเป็นผู้ดูแลระบบมาตรฐานคุณภาพเนื้อแดง ซึ่งได้แก่

National Livestock Identification System (NLIS)
Livestock Production Assurance program (LPA)
National Vendor Declaration (LPA NVD)

 

ระบบต่างๆ นี้ถือเป็นส่วนเติมเต็มของร่างกฎหมายด้านความปลอดภัยของอาหารนอกฟาร์ม ซึ่งทั้งสองจะช่วยสร้างจิตสำนึกร่วมกันในมิติความรับผิดชอบของบรรดาเจ้าของปศุสัตว์ชาวออสเตรเลีย ที่รับรู้และตระหนักถึงบทบาท และความน่าเชื่อถือของตนเองในฐานะผู้ผลิตอาหารที่มีความปลอดภัย มีจรรยาบรรณในการผลิต และส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง

NLIS

NLIS

National Livestock Identification System (NLIS) คือระบบภายในประเทศออสเตรเลียสำหรับการขึ้นทะเบียนและติดตามวัวเลี้ยง เพื่อความปลอดภัยทางชีวภาพ ความปลอดภัยของอาหาร ความสมบูรณ์แบบของผลิตภัณฑ์ และการวางจำหน่ายในตลาด NLIS ระบบที่อ้างอิงตามป้ายอิเล็กทรอนิกส์แบบ‘ตลอดชีพ’ ที่ติดอยู่กับตัววัวเลี้ยง โดยใช้เทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุ และมีส่วนสำหรับบันทึกข้อมูลที่เกิดขึ้นกับวัวในแต่ละครั้ง และส่งผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ไปยังผู้ผลิต หรือผู้แปรรูป โดยจะมีการถ่ายโอนข้อมูลเหล่านี้ไปยังฐานข้อมูลกลางเพื่อให้สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของวัวได้ตั้งแต่ตอนอยู่ในฟาร์มไปจนถึงโรงฆ่าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นคุณลักษณะที่ทำให้ระบบ NLIS แตกต่างจากระบบติดตามผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากทั่วโลก

LPA

LPA

Livestock Product Assurance (LPA) คือโครงการที่ออกแบบมาเพื่อให้การรับรองคุณภาพอาหาร และมาตรฐานในการรับรอวคุณภาพ โดยจะมีการตรวจสอบผู้ผลิตแบบสุ่มเพื่อให้มั่นใจว่าได้ปฏิบัติตามมาตรฐาน LPA ด้านความปลอดภัยของอาหาร

 

NFAS

NFAS

National Feedlot Accreditation Scheme (NFAS) คือระบบรับประกันความสมบูรณ์แบบในการผลิตภาคบังคับ สำหรับโรงขุนในออสเตรเลียที่ผลิตเนื้อวัวเลี้ยงด้วยหญ้า เพื่อจัดส่งตลาดในประเทศ และตลาดในต่างประเทศ NFAS กำหนดให้มีการบันทึกข้อมูลการเคลื่อนย้ายวัวจากฟาร์มไปยังโรงขุนในฐานข้อมูลของ NLIS นอกจากนั้น ยังมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการควบคุมสุขภาพ และกระบวนการผลิตเนื้อวัวเลี้ยงด้วยธัญพืชที่ครอบคลุมไปถึงการตรวจสอบความปลอดภัยของอาหารและน้ำดื่มของสัตว์ ข้อกำหนดที่เข้มงวดในการรักษาของสัตวแพทย์ และการตรวจสอบปริมาณยาฆ่าแมลง หรือร่องรอยของโลหะหนัก

ระบบวัดมาตรฐานเนื้อของออสเตรเลียคือระบบใด?

ระบบวัดมาตรฐานเนื้อของออสเตรเลียคือระบบใด?

การผลิตเนื้อในปริมาณมากให้มีคุณภาพที่คงที่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ดังนั้น การวัดระดับคุณภาพของเนื้อจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง MSA คือระบบวัดเกรดเนื้อที่เป็นเอกเทศ ออกแบบมาเพื่อคัดคุณภาพของเนื้อวัวและเนื้อแกะ ระบบ MSA เป็นระบบที่พัฒนามาจากผู้บริโภคจำนวน 100,000 คนที่ได้ชิมตัวอย่างเนื้อวัวและเนื้อแกะกว่า 700,000 รายการ และให้คะแนนความพึงพอใจ โดยผู้บริโภคที่ร่วมการทดสอบเหล่านั้นได้ช่วยจำแนกปัจจัยหลักที่ควรพิจารณาในทุกครั้ง เริ่มตั้งแต่กระบวนการภายในฟาร์มไปจนถึงบ้านของผู้บริโภค ซึ่งคือปัจจัยในเรื่องของความนุ่ม และรสชาติของเนื้อในส่วนต่างๆ โครงการ MSA คือมาตรฐานของคุณภาพที่คุณวางใจได้ในทุกครั้งที่เลือกซื้อและปรุงเนื้อวัวและเนื้อแกะของออสเตรเลีย อย่าลืมมองหาสัญลักษณ์ที่แสดงถึงชิ้นส่วนของเนื้อวัวและเนื้อแกะที่มาพร้อมกับความฉ่ำนุ่ม และรสชาติที่ดีในทุกชิ้น

ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้ MSA แตกต่างจากระบบมาตรฐานอื่น?

ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้ MSA แตกต่างจากระบบมาตรฐานอื่น?

MSA พัฒนาระบบขึ้นมาจากมุมมองด้านรสชาติของผู้บริโภค เราเริ่มจากสิ่งที่ผู้บริโภคถูกใจในขณะที่ได้ลิ้มลองเนื้อแดง และเริ่มทำงานจากจุดนั้นเพื่อกำหนดคุณลักษณะของเนื้อที่มีผลต่อความชอบของผู้บริโภค และหลังจากนั้นก็ได้มีการทดสอบกับผู้บริโภคกว่า 100,000 คนจนได้ออกมาเป็นปัจจัยสำคัญต่างๆ ที่มีผลต่อคุณภาพของเนื้อ

ผลที่ได้จากการทดสอบกับผู้บริโภคก็คือ ปัจจัยที่สำคัญต่อคุณภาพเนื้อประมาณ 16 ประการ ไม่ว่าจะเป็น สายพันธุ์ การใช้โกรทฮอร์โมน (HGP) ระดับค่า pH อายุ และปัจจัยที่ขาดไม่ได้ก็คือ ไขมันลายหินอ่อนที่แทรกอยู่ในเนื้อ ซึ่งนับเป็น 20% ของคะแนนสำหรับคุณภาพเนื้อ โดยปัจจัยแต่ละประการจะส่งผลต่อความนุ่ม ความฉ่ำ รสชาติ และความพึงพอใจโดยรวม ทั้งนี้ ผู้มีส่วนร่วมในซัพพลายเชนทุกคนสามารถพัฒนาคุณภาพของเนื้อให้ดีขึ้นได้ในทุกขั้นตอน จากโรงเลี้ยงไปจนถึงหน้าบ้านของผู้บริโภค ระดับคุณภาพเนื้อของ MSA จะแตกต่างกันไปในแต่ละชิ้นส่วนของเนื้อ ดังนั้น เราจึงไม่ได้มีเกรดเนื้อในระดับเดียวสำหรับวัวทั้งตัว แต่ชิ้นส่วนหลักในแต่ละส่วนจะมีระดับคะแนนโดยเฉพาะ พร้อมระบุวิธีการปรุงที่เหมาะกับเนื้อในแต่ละส่วนอีกด้วย

MSA ช่วยเหลือผู้นำเข้าได้อย่างไรบ้าง?

MSA ช่วยเหลือผู้นำเข้าได้อย่างไรบ้าง?

ประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือ MSA ช่วยลดความกังวลเรื่องคุณภาพของเนื้อได้ ช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจบริการด้านอาหารมีเวลาพิถีพิถันในเรื่องการปรุง และเสิร์ฟเมนูจานเนื้อเลี้ยงด้วยหญ้าแก่ลูกค้าอย่างมั่นใจ เมื่อผู้ประกอบการเหล่านั้นซื้อเนื้อวัวเลี้ยงด้วยหญ้าของออสเตรเลียที่มีการระบุระดับคุณภาพเนื้อเพื่อการบริโภค พวกเขาก็จะรู้ได้ทันทีว่าเนื้อส่วนไหน คุณภาพระดับใด เหมาะที่จะนำมาปรุงเมนูใด โดยมีผลการวิจัยระบุว่า MSA คือตัวชี้วัดคุณภาพเนื้อเพื่อบริโภคที่มีความแม่นยำสูงกว่าระบบดั้งเดิม อาทิ ระบบแบ่งเกรดเนื้อแบบ ไพรม์/ซีเล็ค/ชอยส์ ของ USDA

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MSA กรุณาคลิกที่นี่